บรรยากาศการเมืองวันนี้ (19 ก.ค.) มีความตึงเครียดและคาดหวัง เพราะที่ประชุมรัฐสภาจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2 หลังจากวาระครั้งก่อนผลออกมาว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตจากพรรคก้าวไกล ได้รับคะแนนเสียงไม่เพียงพอ
เรื่องที่หลายฝ่ายจับตาคือ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 13 คนที่ก่อนหน้านี้เคยโหวตให้นายพิธา จะยังคงลงคะแนนเสียงให้อยู่หรือไม่ หรือจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่
สว.สุรเดช จิรัฐิติเจริญ สมาชิกวุฒิสภา จ.ปราจีนบุรี 1 ใน 13 สว. ที่ตัดสินใจโหวตให้นายพิธาในการลงคะแนนเสียงครั้งก่อน ให้สัมภาษณ์กับ พีพีทีวี โดยเปิดเผยว่า การโหวตของตนวันนี้ น่าจะยังคงเป็นทิศทางเดิมคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
“ผมคงเป็นทิศทางเดิม เพราะผมมีหลักคิดว่าเคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนในการตัดสินใจเลือกนายกรัฐมนตรี … เหตุผลเหมือนเดิม หลักคิดของผมคืออยากจะให้ประเทศไทยเดินได้ และก็ให้สส.รวมเสียงส่วนใหญ่เสนอชื่อผู้ที่จะเป็นนายก จะได้บริหารประเทศชาติต่อไป” สว.สุรเดชกล่าว
โหวตนายก:"ชูวิทย์" โพสต์บอก เตรียมพลิกขั้ว- มียุบพรรค
โหวตนายก: “กิตติศักดิ์” เผยจุดยืนสว.โหวตไม่เห็นชอบ ลั่น ตั้งรัฐบาลต้องไม่มีก้าวไกล
เมื่อถามว่า คาดว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงในจำนวนเสียง สว. ที่โหวตให้นายพิธาหรือไม่ สว.สุรเดชบอกว่า ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงเท่าไร
“ส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ เพราะไม่มีปัจจัยอะไรเปลี่ยนแปลง เนื่องจากว่า หากเสนอชื่อคุณพิธาเหมือนเดิม เงื่อนไขเหมือนเดิม ผมคิดว่าตัวเลขโหวตน่าจะใกล้เคียงกับรอบแรก” สว.สุรเดชบอก
ในส่วนของแรงกดดันที่ได้รับหลังการโหวตครั้งก่อน เขามองว่า เหรียญมี 2 ด้าน โดยครั้งก่อนก็ได้รับคำชื่นชม คนที่เห็นด้วยชื่นชมมาทุกช่องทาง ซึ่งคนที่ไม่เห็นด้วยก็มีการต่อว่ามาเช่นกัน แต่มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเหรียญมี 2 ด้านเสมอ
ขณะที่เรื่องของการโน้มน้าว สว. ที่สนิทกันให้หันมาโหวตนายพิธานั้น สว.สุรเดชยืนยันว่า “ไม่มี เราเคารพสิทธิ์ของแต่ละคน ผมว่า สว.ทุกท่านก็มีวุฒิภาวะที่มาก วิธีคิดของแต่ละท่าน คงแล้วแต่ท่าน ผมเองก็ไม่สามารถไปโน้มน้าวได้ อย่างมากก็คุยกับเพื่อน 13 สว. ให้กำลังใจซึ่งกันและกันเท่านั้น”
กระนั้น สว.สุรเดชบอกว่า โดยส่วนตัว หากมีการเสนอชื่อนายพิธาเป็นครั้งที่ 2 ผลลัพธ์อาจไม่แตกต่างไปจากเดิม “ในเรื่องของญัตติซ้ำ เท่าที่ฟังจากสื่อคาดว่าจะมีการอภิปรายกันพอสมควรในข้อบังคับข้อที่ 41 คงต้องมานั่งรับฟังกันอีกทีแล้วก็ให้เป็นข้อสรุปของสภาว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่สำหรับตัวผมเองคงยืนยันตามความคิดของผม แต่ส่วนตัวคิดว่ารอบนี้ก็คงจะไม่ผ่าน เพราะมันไม่มีปัจจัยอะไรเพิ่มเติมที่เปลี่ยนแปลง”
ด้านกรณีที่จะมีการเสนอแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยขึ้นมาแทนหากการโหวตครั้งนี้ไม่ผ่าน สว.สุรเดชกล่าวว่า ถ้าเพื่อไทยดำเนินการก็อาจมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวมากกว่า เพราะต้องยอมรับว่า นโยบายแก้ ม.112 ยังเป็นอุปสรรคสำคัญของพรรคก้าวไกล
“ทางก้าวไกลก็ยืนยันเรื่องมาตรา 112 สมาชิกก็ไม่สบายใจหลายท่าน ไม่เห็นชอบ หรืองดออกเสียง เป็นส่วนหนึ่งที่เพื่อนนสมาชิกไม่สบายใจ … ถ้าปรับเพดานลงมาจริงก็อาจจะได้เสียงเพิ่มจำนวนหนึ่ง เพราะว่าเหตุผลที่สว.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยเพราะไม่สบายใจในเรื่องนี้ ถ้าปรับเพดานลดลงมา คงทำให้มีตัวเลขเพิ่มมากขึ้น” สว.สุรเดชกล่าว
เขาเสริมว่า อยากให้ประเทศไทยเดินหน้าได้ “โดยส่วนตัวที่เห็นชอบคุณพิธาเพราะมองว่า ม.112 ถ้าจะแก้ ต้องไปแก้ในสภา ซึ่งในสภาหรือ MOU พรรคร่วม 8 พรรคก็ไม่เอา แม้กระทั่งคำปรารภก็ไม่มี ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย สว.ไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้นตัวแก้นี้คาดว่าจะไม่มีอยู่แล้ว ผมเอง ในนโยบายส่วนใหญ่เห็นด้วยที่ประเทศจะเดินไปได้ เลยยอมลงมติยกมือให้”